วัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก คือวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) อันเป็นเหตุสำคัญในการเกิดมะเร็งปากมดลูก เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส HPV ทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรังและเปลี่ยนแปลงเป็นเซลล์มะเร็งได้
ฉีดวัคซีน HPV แบบไหนดีที่สุด
- ประสิทธิภาพวัคซีนสูง หากฉีดในวัยที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
- ฉีดในวัยที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันได้ดี จากงานวิจัยพบว่า ร่างกายของเด็กผู้หญิงสร้างภูมิคุ้มกันต่อไวรัสนี้ได้ดีในช่วง 9-15 ปี ซึ่งสามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้ง แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 ครั้ง
- ผู้หญิงอายุ 9-26 ปี ควรฉีดวัคซีน HPV โดยเน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี
- เด็กผู้ชายอายุ 9-26 ปี สามารถฉีดวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์หรือ 9 สายพันธุ์เพื่อป้องกันโรคหูดหงอนไก่และมะเร็งทวารหนัก เน้นให้ฉีดช่วงอายุ 11-12 ปี
หมายเหตุ การฉีดวัคซีนในกลุ่มชายและหญิงอายุมากกว่า 26 ปียังมีประโยชน์และแนะนำให้ฉีดแต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่าการฉีดในกลุ่มอายุน้อยกว่า 26 ปี
วัคซีน HPV ฉีดให้ถูกต้อง
การฉีดวัคซีน HPV ต้องฉีดให้ครบถ้วนทั้งหมด 3 ครั้ง
- ครั้งที่ 1 ฉีดในวันที่กำหนดเลือก
- ครั้งที่ 2 ฉีดหลังจากเข็มแรก 1-2 เดือน
- ครั้งที่ 3 ฉีดจากเข็มแรก 6 เดือน
***ในเด็กผู้หญิง หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี สามารถฉีดวัคซีนเพียง 2 ครั้งห่างกัน 6-12 เดือน
ข้อดีของวัคซีน HPV
- ประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัส HPV
- ผลข้างคียงน้อยมาก อาจมีอาการปวด บวม คัน ไข้ ปวดศีรษะคลื่นไส้ อาเจียน แต่หายเองได้
- สามารถฉีดร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- ป้องกันไวรัส HPV ได้ทั้งเพศหญิงและเพศชาย
ผู้ที่ห้ามฉีดวัคซีน HPV
- ผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity) ต่อสารประกอบวัคซีน
ไวรัส HPV ไม่เพียงแต่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ยังรวมไปถึงมะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด และหูดอวัยวะเพศด้วย ดังนั้นการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีน HPV ให้ครบถ้วนตั้งแต่อายุยังน้อยย่อมช่วยให้ห่างไกลโรคได้อย่างดี
Nursery
กุมารเวชกรรม สาขาพัฒนาการและพฤติกรรม
ศัลยกรรมทางด้านศีรษะ คอ และเต้านม
อายุรศาสตร์โรคข้อและรูมาติกซึ่ม